วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นักธุรกิจ

อาชีพที่ข้าพเจ้าใฝ่ฝันอยากจะเป็นในอนาคตคือ "นักธุรกิจ" 
นักธุรกิจ คือ ผู้ประกอบการหรือผู้ที่มีส่วนร่วมในการจัดการ(ระดับใดก็ได้)ของบริษัท

อุดมการณ์ซึ่งนักธุรกิจพึงมี ได้แก่
1.หมั่นประกอบการดี และประพฤติตนเป็นคนดี
2.มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยปฏิบัติให้สอดคล้องกับประโยชน์ของคนทั่วไป
3.มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน
4.ดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงและยึดถือปฏิบัติตามข้อบังคับของสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย
5.ละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ต้องปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกิจการโดยคำนึงถึงข้อปฏิบัติของการจัดการที่ดี
6.ละเว้นการปฏิบัติที่มีอคติต่อบุคคลอื่น ต้องตระหนักถึงศักดิ์ศรีความเสมอภาคของกลุ่มและบุคคล

สาเหตุที่ฉันอยากเป็นนักธุรกิจ คือ อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องใช้ความสามารถของตนเอง อาศัยประสบการณ์ในการทำงาน คนที่มีประสบการณ์มากก็จะมีมุมมองที่ดีกว่า ทักษะหลายๆด้านในการประกอบธุรกิจ การสร้างธุรกิจขึ้นมาด้วยตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ยาก และอาจจะประสบความล้มเหลวได้ง่าย ต้องเจอกับความเสี่ยงในการลงทุน แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะทำ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ประสบความสำเร็จในชีวิต

แรงบันดาลใจของฉันคือ ความสำเร็จในชีวิต ยอมลำบากในวันนี้แล้วสบายในอนาคต และให้พ่อแม่มีความสุขสบาย ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าเรามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ พยายาม และอดทน เราก็จะฝ่าฝันมันไปได้


idol ของฉันคือ "ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์"


ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์ เป็นคนที่ขยันทำงาน มุมานะ แม้โชคชะตาจะทำให้ชายผู้นี้เกิดมาในสลัมซอยสามยอด แต่ด้วยความอดทน หัวใจที่รักดี และความเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวเขาจึงต้องดิ้นรนช่วยเหลือพ่อแม่ที่ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ถึง 5 คน กับหลานอีก 1 คนตั้งแต่ยังเล็ก
ข้อดีอย่างหนึ่งของความยากจนก็คือสิ่งนี้เป็นเหมือนแรงขับที่ทำให้กฤษฎามีความอดทนและมานะพยายามมากกว่าเพื่อนๆ วัยเดียวกัน เด็กโรงเรียนวัดสระเกศอย่างเขาจึงสามารถสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทั้งๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนกวดวิชาเหมือนเพื่อนๆ ขณะเดียวกันก็ต้องทำงานหารายได้ช่วยครอบครัว
เมื่อเขาสร้างธุรกิจได้แล้วเงินเหลือเยอะเลยไปซื้อที่ดินที่ลพบุรีประมาณ 500 กว่าไร่ แต่พอปี 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อ ลูกค้าที่มาจองซื้อที่ของโครงการไว้ก็ไม่มีเงินมาจ่าย ตอนนั้นโครงการเรายังไม่เสร็จ ผมก็มานั่งคิดว่าขุดทะเลสาบไว้ถ้าฝนตกลงมาก็จะเสียหาย เราก็เลยต้องทำต่อ โดยการโละสต็อกเครื่องฟอกอากาศทั้งหมด ได้เงินมาหลายล้านก็เอามาถมกับที่แปลงนี้ ทำให้เราเป็นหนี้ธนาคารถึง 50 ล้านบาท ขณะที่ไม่มีใครจ่ายเงินค่าที่เลย และก็ไม่มีธุรกิจอื่นๆ แล้ว” ดร.กฤษฎา เล่าถึงประสบการณ์ในการทำธุรกิจที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด
แต่เขาก็สามารถปลดหนี้ 50 ล้านใน 2 ปีได้ !!


มีเงินพันล้าน แต่ใช้เดือนละ 6 พัน
       แม้ปัจจุบัน ดร.กฤษฎาจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในธุรกิจและกลายเป็นเศรษฐีพันล้าน แต่เขาก็หาได้ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยหรูหรา ... ตรงกันข้ามเขากลับยังคงใช้ชีวิตสมถะ กินง่ายอยู่ง่ายไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ยังล้มลุกคลุกคลานในช่วงที่เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ๆ
       ดร.กฤษฎาบอกว่า เขาเลือกใช้จ่ายเฉพาะในสิ่งที่จำเป็น ซึ่งรวมๆแล้วในแต่ละเดือนนั้นเขาจะใช้เงินไม่เกิน 6,000 บาท เพราะเขามองว่าคงเป็นการดีกว่าหากเงินที่เขาหามาด้วยความยากลำบากนั้นจะถูกนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนา หรือใช้ในการส่งเสริมคุณธรรมและการศึกษาให้แก่เด็กๆที่ด้อยโอกาส

ฉันเชื่อว่า“อุปสรรค” คือส่วนหนึ่งของ “ความสำเร็จ”
ดร.กฤษฎา บอกว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้ก็คือความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค อีกทั้งยังเชื่อว่าการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง และช่วยให้เขาสามารถผ่านพ้นอุปสรรคนานัปการในชีวิตไปได้